080 175 2000 info@53ac.com

นักบัญชี ผู้ทำบัญชี ที่มีคุณสมบัติ เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้ทำบัญชี

 

สำหรับ บริษัท ที่ต้องการหา นักบัญชี ที่มีคุณสมบัติ และขึ้นทะเบียนภายใต้บริษัท ท่าน – ค่าบริการ 3,000 บาท ต่อคน ต่อปี

สำหรับ นักบัญชี ที่ต้องการขึ้นทะเบียน – ท่าน ต้องไปขึ้นทะเบียนด้วยตัวท่านเอง เพราะต้องยืนยันตัวตน ครับ

 

คุณสมบัติและเงื่อนไขของการเป็นผู้ทำบัญชี

บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2557

คุณสมบัติของผู้ทำบัญชี

1.มีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักร
2.มีความรู้ภาษาไทยเพียงพอ
3.ไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นผู้ทำบัญชีตามกฎหมาย
4.ไม่เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก เนื่องจากความผิดตามฐานความผิดหรือกฎหมายที่กำหนดในมาตรา 39 (3)
5.มีคุณวุฒิการศึกษา ดังต่อไปนี้

ก.วุฒิไม่ต่ำกว่าอนุปริญญาหรือ ปวส.ทางการบัญชีหรือเทียบเท่า สามารถเป็นผู้ทำบัญชีของกิจการดังนี้ได้ :
– ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน
– บริษัทจำกัดที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยซึ่ง ณ วันปิดบัญชีในรอบปีบัญชีที่ผ่านมามีทุนจดทะเบียนไม่เกินห้าล้านบาท มีสินทรัพย์รวมและรายได้รวมไม่เกินสามสิบล้านบาท

ข.วุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการบัญชีหรือเทียบเท่า สามารถเป็นผู้ทำบัญชีของกิจการดังนี้ได้ :
– ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนและบริษัทจำกัดที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยซึ่ง ณ วันปิดบัญชีในรอบปีบัญชีที่ผ่านมามีทุนจดทะเบียนไม่เกินห้าล้านบาท มีสินทรัพย์รวมและรายได้รวมไม่เกินสามสิบล้านบาท
– บริษัทมหาชนจำกัดที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
– นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย
– กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร

ค.กรณีที่เป็นการเริ่มทำบัญชีรอบปีบัญชีแรกของผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี วุฒิการศึกษาของผู้ทำบัญชีให้พิจารณาโดยใช้เกณฑ์ทุนจดทะเบียนตามข้อ (ก.) และ (ข.) แล้วแต่กรณี

เงื่อนไขของการเป็นผู้ทำบัญชี

1.ต้องเป็นสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชี
2.แจ้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการทำบัญชีทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) พร้อมด้วยสำเนาหลักฐานภายใน 30 วัน นับแต่วันเริ่มทำบัญชี โดยใช้แบบ ส.บช.5 (แบบสมัครสมาชิก/ขึ้นทะเบียนสภาวิชาชีพบัญชี และแบบแจ้งการทำบัญชีของผู้ทำบัญชี)
                กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกการทำบัญชี ต้องแจ้งรายการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) พร้อมด้วยสำเนาหลักฐานภายใน 30 วัน นับแต่ที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิก โดยใช้แบบ ส.บช.6 หรือ ส.บช.8 แล้วแต่กรณี 

ผู้ทำบัญชีต้องยืนยันรายชื่อผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีที่รับทำบัญชีที่รับทำบัญชี และสภาพการเป็นสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชีทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ฯ พร้อมด้วยสำเนาหลักฐานภายใน 30 วันนับแต่วันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปี โดยใช้แบบ ส.บช.10

3.ต้องเข้ารับการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพบัญชีไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมงต่อปี และจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต้องมีเนื้อหาเกี่ยวกับการบัญชีไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง

4.แจ้งรายละเอียดการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพบัญชีทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ฯ ได้ทันทีหลังการทำกิจกรรมแต่ไม่เกิน 30 วัน นับแต่วันที่ 30 ธันวาคม ของทุกปี โดยใช้แบบ ส.บช.7 และต้องเก็บหลักฐานการเข้าร่วมพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพบัญชีเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี นับแต่วันสิ้นสุดของการทำกิจกรรมในแต่ละครั้ง

5.ผู้ทำบัญชีใดไม่เข้ารับการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพบัญชีหรือเข้ารับไม่ครบตามจำนวน (3) ต้องพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพบัญชีให้ครบจำนวนชั่วโมงที่ขาดหายไป

6.ผู้ทำบัญชีใดยกเลิกการเป็นผู้ทำบัญชีแล้ว และขอกลับมาเป็นผู้ทำบัญชีใหม่ต้องเข้ารับการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพบัญชีให้ครบจำนวนชั่วโมงตามระยะเวลาที่ขาดหายไปก่อนการยกเลิกการเป็นผู้ทำบัญชี และแจ้งการขอกลับมาเป็นผู้ทำบัญชีใหม่ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ฯ

7.ผู้ทำบัญชีสามารถรับทำบัญชีได้ไม่เกิน 100 รายต่อปี ไม่ว่าจะเป็นการรับทำบัญชีในรอบปีใดก็ตาม

 ขั้นตอนการแจ้งเป็นผู้ทำบัญชี

  1. ดาวน์โหลดแบบฟอร์มแบบ ส.บช. 5 ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่ www.dbd.go.th พร้อมแนบหลักฐาน ดังนี้

(1) สำเนาหลักฐานการศึกษา (ประกาศนียบัตร/อนุปริญญา/ปริญญา) ในกรณีที่ปริญญาไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นสาขาบัญชีให้แนบใบรับรองผลการศึกษาตลอดหลักสูตร (Transcript)
(2) สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชน หรือบัตรที่ทางราชการออกให้
(3) รูปถ่ายครึ่งตัว หน้าตรง ไม่สวมหมวก ขนาด1 นิ้ว ถ่ายมาแล้วไม่เกิน 6 เดือน จำนวน 2 รูป(ส่วนภูมิภาค จำนวน 3 รูป)

  1. ยื่นแบบแจ้งการทำบัญชีของผู้ทำบัญชีพร้อมหลักฐานด้วยตนเอง

– กรณีผู้แจ้งมีที่อยู่หรือสถานที่ทำงานในกรุงเทพฯ และ จังหวัดนนทบุรี ยื่นแบบ ส.บช. 5 จำนวน 2 ชุด ที่

สำนักกำกับดูแลธุรกิจ กรมพัมนาธุรกิจการค้า เลขที่ 44/100 ถนนนนทบุรี1ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง
จังหวัดนนทบุรี 11000
– กรณีผู้แจ้งมีที่อยู่หรือสถานที่ทำงานในส่วนภูมิภาค ยื่นแบบ ส.บช. 5 จำนวน 3 ชุด ที่สำนักงานทะเบียนการค้าจังหวัดที่มีที่อยู่หรือสถานที่ทำงานตั้งอยู่

  1. ยื่นแบบแจ้งการทำบัญชีของผู้ทำบัญชีพร้อมหลักฐานทางไปรษณีย์

– ส่งแบบแจ้งการทำบัญชีของผู้ทำบัญชีพร้อมเอกสาร ไปยังสถานที่ตามที่อยู่ข้างต้น พร้อมแนบซองติดแสตมป์ จำนวน 6 บาท จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง

แบบฟอร์มที่เกี่ยวข้อง 

– แบบแจ้งการทำบัญชีของผู้ทำบัญชี (ส.บช. 5)

– แบบแจ้งการเป็นผู้มีคุณสมบัติเป็นผู้ทำบัญชีได้ (ส.บช. 5 ข)

– แบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงการทำบัญชีของผู้ทำบัญชี (ส.บช. 6)

สมัครเป็นสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชี (สวบช. 1) หรือ ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ทำบัญชีกับสภาวิชาชีพบัญชี (สวบช. 2)

โดย เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ดังนี้

(1) ในกรณีที่ท่านมีคุณวุฒิการศึกษาทางด้านบัญชีดังต่อไปนี้

– ปริญญาตรี หรือได้รับประกาศนียบัตร หรือวุฒิอื่นเทียบเท่าปริญญาตรีสาขาวิชาการบัญชีที่สภาวิชาชีพบัญชีรับรองหรือสำเร็จการศึกษาสาขาอื่นตามที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนด
– ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ทางด้านการบัญชี

ให้เลือกสมัครสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชี โดยใช้แบบ สวบช. 1 เนื่องจากท่านจะได้รับสิทธิตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 16 (เป็นผู้ทำบัญชีได้เช่นเดียวกับการยื่นแบบ สวบช. 2)

(2) ในกรณีที่ท่านไม่มีคุณวุฒิการศึกษาทางด้านบัญชี แต่ผ่านการอบรมและได้รับใบอนุญาตจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ให้เป็นผู้ทำบัญชีได้ ให้เลือกยื่นคำขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ทำบัญชีกับสภาวิชาชีพบัญชี สวบช. 2 ทั้งนี้ ท่านจะไม่ได้รับสิทธิตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 16

(หมายเหตุ : ปัจจุบันกรมพัฒนาธุรกิจการค้าไม่มีการอบรมและออกใบอนุญาตเป็นผู้ทำบัญชีให้กับผู้ไม่มีคุณวุฒิการศึกษาทางด้านบัญชีแล้ว)

ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ทำบัญชี 

  1. ดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัครเป็นสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชี (สวบช. 1) หรือ ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ทำบัญชีกับสภาวิชาชีพบัญชี (สวบช. 2) เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น พร้อมแนบหลักฐาน ดังนี้

(1) สำเนาหลักฐานการศึกษา (ประกาศนียบัตร / อนุปริญญา /ปริญญา) ในกรณีที่ปริญญาไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นสาขาบัญชีให้แนบใบรับรองผลการศึกษาตลอดหลักสูตร(Transcript)
(2) สำเนาบัตรประชาชนหรือบัตรที่ทางราชการออกให้
(3) รูปถ่ายครึ่งตัวหน้าตรงไม่สวมหมวกขนาด 1 นิ้วถ่ายมาแล้วไม่เกิน 6 เดือนจำนวน 1รูป
(4) หลักฐานการชำระเงิน

(หมายเหตุ หากท่านมีคุณสมบัติที่จะสมัครสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชีได้ขอให้ท่านยื่นแบบ สวบช. 1 เพื่อสิทธิประโยชน์ตามมาตรา 16 และเป็นผู้ทำบัญชีได้เช่นเดียวกับการยื่นแบบ สวบช. 2)

  1. ยื่นแบบสวบช. 1หรือ สวบช. 2 พร้อมหลักฐานด้วยตนเอง หรือทางไปรษณีย์ที่สภาวิชาชีพบัญชีฯ 133 ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก)แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
  2. ยื่นแบบสวบช. 1 หรือ สวบช. 2 ผ่านระบบออนไลน์ โดยบันทีกข้อมูลของท่านผ่านระบบสภาวิชาชีพบัญชี ฯ ที่ www.fap.or.th และพิมพ์แบบฟอร์มพร้อมแนบหลักฐานนำส่งที่

สภาวิชาชีพบัญชีฯ 133 ถนนสุขุมวิท 21(อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110

สภาวิชาชีพบัญชีจะอนุมัติคำขอเมื่อได้รับเอกสารต้นฉบับ

อัตราค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิก หรือ ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ทำบัญชีรายปี

ตามปีปฏิทิน (1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคมของทุกปี) ดังนี้

-ปริญญาตรีขึ้นไป 500.- บาท
– ต่ำกว่าปริญญาตรี 300.- บาท

แบบฟอร์มที่เกี่ยวข้อง

– คำขอสมัครเป็นสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชี (สวบช.1)

– คำขอขึ้,นทะเบียนเป็นผู้ทำบัญชี (สวบช.2)

– คำขอต่ออายุผู้ทำบัญชี (สวบช.4)

การเก็บชั่วโมงของผู้ทำบัญชี  (CPD) ในปี 2558

ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไป การนับชั่วโมงในการเข้ารับการอบรมหรือพัฒนาความรู้ด้านการบัญชีของผู้ทำบัญชี จะเปลี่ยนใหม่เป็นปีละไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง (ด้านบัญชี 6 ชั่วโมง และอื่น ๆ 6 ชั่วโมง หรือด้านบัญชีทั้ง 12 ชั่วโมงก็ได้) ทั้งนี้ให้นับแบบปีต่อปี (ไม่ผูกพันเหมือนแบบเดิมที่ผ่านมาคือไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง/ปี รวมแล้วไม่น้อยกว่า 27 ชั่วโมงภายใน 3 ปี) และให้แจ้งการอบรมภายใน 30 วัน (ภายในเดือน ม.ค.) จากเดิมที่ให้แจ้งได้ภายใน 60 วัน ดังนั้นจึงมีประเด็นที่ต้องพิจารณาเป็น 2 กรณี สำหรับผู้ที่เก็บชั่วโมงในปีก่อนไว้แล้ว ดังต่อไปนี้

  1. ผู้ที่เก็บชั่วโมงสะสมมาจากปี 2556-2557 ตั้งแต่ 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป ต้องดูว่าถ้ายังไม่ครบ 27 ขั่วโมง ก็ต้องเก็บชั่วโมงเพิ่มให้ครบ เช่น เก็บสะสมมาแล้วปีละ 6 ชั่วโมง เป็น 12 ชั่วโมง ในปี 2558 ก็ต้องเก็บเพิ่มอีก 15 ชั่วโมงให้ครบ 27 ชั่วโมง
  2. ผู้ที่เริ่มเก็บชั่วโมงในปี 2557 ซึ่งยังไม่ครบตามที่กำหนด ตั้งแต่ 1 มกราคม 2558 ก็ต้องเก็บใหม่ในปี 2558 ทั้ง 12 ชั่วโมง เช่น เก็บในปี 2557 ไว้ 6 ชั่วโมง ในปี 2558 ก็ต้องเก็บใหม่ทั้ง 12 ชั่วโมง
    ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้เก็บชั่วโมงหรือเพิ่งเริ่มเก็บในปี 2558 ก็นับตามระเบียบใหม่ 12 ชั่วโมง/ปี

​สนใจบริการ หรือ ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

บริษัท นารา การบัญชี จำกัด

โทร 080 173 2000 ; 080 174 2000
โทร 080 286 2000 ; 080 287 2000
โทร 02 933 5511 ; 02 933 5512

กรณีเร่งด่วน/ หลังเลิกงาน โทร 080 175 2000 คุณ ธนา

อีเมล์: info@53ac.com , สำเนา CC: 53ac.com@gmail.com

Line ID: @nara53

เพิ่มเพื่อน

แผนที่

https://goo.gl/maps/GBPpLfS42QsZg4jf6

เดินทาง รถไฟฟ้า สายสีเหลือง สถานี โชคชัย 4 ประตูทางออก 4 นาราฯ อยู่ในซอยลาดพร้าว 52

 169,496 total views,  8 views today